Archive

Posts Tagged ‘ปาย’

ขาหมูยูนาน ชาดอกมะลิ บ๊วยคิดถึง แผลสด และกลิ่นอ้วก

June 9, 2008 5 comments

.. เมื่อคืนนี้. . อ้วกจนพุงปลิ้นเลย .
. เพราะแพ้ผงชูรส . แค่จะกินมาม่าก็ยังคิดแล้วคิดอีกว่าท้องไส้มันจะยอมรึเปล่า..
.. เจ้าตัวต้นเหตุน่ะรึ.. ตำปูปลาร้า หนึ่ง ตำกระท้อน.. หนึ่ง ตบด้วยสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา.. ไม่คิดว่าจะอัพผงชูรสมาเต็มที่ . .
.. ท้องมันก็เลยประท้วง. ซะงั้น..
ทำให้นึกถึงครั้งกระโน้นที่เราไปเที่ยว ปาย กัน ช่วงสิ้นปี 49



(รูปนี้จิ๊กท่านพี่เก่งมา)

ไปเที่ยวตอนนั้นมีคนนำมาเล่าแล้วล่ะ แต่ที่ไม่มีก็จะเล่าต่อไปนี้

จำไม่ได้แล้วว่าเราไปเที่ยวกันวันไหน แต่เป็นช่วงปลาย ๆ ปี 49 นี่แหละ มี ฉัน เจ้าดุก พี่เก่ง พี่ต๊อก พี่ปุ้ม และพี่อาจารย์ก็อต ทั้งหมดก็ 6 คน โดยคนสุดท้ายทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยว เราเช่ารถมอไซค์ไว้ร่อนกัน กินอยู่ที่นั่น 3 วันเลยนะ แล้วอุบัติที่เกิดขึ้นก็มี 3 เหตุการณ์

1.  ตอนที่เราจะเปลี่ยนที่พักไปที่บังกะโลชื่อ กาสะลอง ก็มีมอไซค์นั่นล่ะเป็นพาหนะใช้ขี่ไปไหนมาไหน อาจารย์ก็อตพี่เก่งพี่ นำขบวน  เจ้าดุกฉัน  ตามไปติด ๆ และ  พี่ต๊อก พี่ปุ้ม รั้งท้าย เราขี่ตามรถคันข้างหน้าไปเรื่อย ๆ ฝุ่นก็ตลบ หัวก็เริ่มเป็นสีแดงแล้ว ไม่รู้ว่าอาจารย์ก็อต (ของพี่เก่ง) เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนขี่มอไซค์ไปลิ่ว ๆ จนคันข้างหลังตามไม่ทัน เจ้าดุกก็เร่งเครื่องสุดแต่กำลังแบบปลา ๆ จะทำได้ และแล้วก็มีมอไซค์เจ้าถิ่นแซงซ้ายขึ้นมาปาดหน้าเราอย่างเงียบ ๆ (อยู่ที่ปายฉันก็ งง ๆ อยู่ว่าเขาใช้กฎจราจรของประเทศไหน) ทีนี้แหละท่านเอ๋ย เจ้าดุกที่มองไม่เห็นรถคันนั้นอยู่แล้วก็เร่งเครื่องจนเกี่ยวเอาสีข้างของรถเขา ทำให้เราไถลและกระเด็นจากมอไซค์ไปคนละทาง ด้วยเป็นคนตัวหนักกว่าฉันเจ้าดุกถูกเหวี่ยงกระเด็นมาด้านหลัง ส่วนฉันก็โดนเหวี่ยงสวนกันกับเจ้าดุก (ขี่หลังเจ้าดุกพอดิบพอดีเลย) ครั้งนั้นทำให้ฉันรู้ว่าถ้าขี่หลังซุปเปอร์แมนได้จริง คงตื่นเต้นและเร้าใจกว่าขี่หลังปลาดุกเป็นไหน ๆ ส่วนคนตัดหน้าเราทำหน้าตาเหรอหรา งอตัวเหมือนกุ้ง พลางกุมท้องตัวเอง (อะไรวะ รถฉันไม่ได้ไปเฉี่ยวที่ท้องมันสักหน่อย) แต่อย่างไรก็แล้วๆ กันไปขี้เกียจเอาเรื่องเอาราวอะไรด้วย (อีกอย่างพี่ต๊อกที่ตามมาข้างหลังก็ช่วยห้ามไม่ให้เจ้าดุกสวนกำปั้นเข้าท้องให้มันได้เจ็บจริง ๆ) รถเราถลอกเล็กน้อย เจ้าดุกได้แผลมาหลายที่ ส่วนฉันกางเกงขาดเล็กน้อยนอกนั้นไม่เป็นอะไร อย่างนี้เขาเรียกว่า คนดีผีคุ้มรึเปล่า ? (คิคิ)

2. เหตุเกิดวันเดียวกันนั่นแหละ จากที่เรากินอาหารจีนยูนานมื้อกลางวัน (ขาหมูยูนาน ผัดซาโยเต้ หมั่นโถ และอะไรสักสองสามอย่างจำไม่ได้แล้ว) ต่อด้วยชิมน้ำชาดอกมะลิหอม ๆ ในอากาศหนาวเย็นทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น เขาสอนให้เรานำถ้วยน้ำชาร้อน ๆ มาอังที่ตาจะทำให้เรารู้สึกว่าตาชุ่มชื่นขึ้น ที่ร้านหน้าร้านอาหารจีนยูนานนั่นแหละ มี "บ๊วยคิดถึง" เป็นกับแกล้ม จะเรียกว่าชิมก็คงไม่ได้ ด้วยชานั้นมันหอมและอุ่นช่วยแก้หนาวได้ชงักฉันก็ซดน้ำชาไปกาหนึ่งเต็ม ๆ พร้อมกับบ๊วยอีกจาน ถึงทีท้องมันเต็ม ๆ เต่ง ๆ แล้ว เราก็เข้าที่พัก และออกมากินอีกครั้งเป็น ก๋วยเตี๋ยวญวนรสเด็ด ซึ่งฉันก็กินไปเกลี้ยงชาม อาหารเมื่อตอนกลางวันไม่ทันพ่องก็ยัดก๋วยเตี๋ยวเข้าไปอีกซาม และตบท้ายด้วยของขบเคี้ยวมื้อค่ำ ฟังเพลงที่พี่เก่งและอาจารย์ของพี่เก่งเล่นจนถึงดึก น้ำชาที่พี่เก่งซื้อมาก็คงหมดไปหลายจอก เราก็เข้านอนกัน (เรื่องอาบน้ำคงไม่มีทาง อากาศช่วงปลายปีหนาวเย็นขนาดไหน ที่ปายก็หนาวมากกว่ากันร้อยเท่า ถึงฉันโดนบังคับให้ไปอาบน้ำ แต่น้ำก็ไม่ไหลเสียแล้ว อิอิ แอบดีใจ)  กลางดึกอากาศเย็นจนแข็งไปทั้งตัว ผ้านวมที่ทางบังกะโลเตรียมไว้ให้ก็ไม่พอ ฉันพลิกตัวไปมาเพื่อหาที่อุ่น ๆ แต่ทุกครั้งที่พลิกก็ต้องได้ยินเสียงโอดโอย จากเจ้าดุกเพราะฉันดิ้นไปโดนแผลจากอุบัติเหตุรถล้มเมื่อตอนกลางวัน แล้วฉันก็ต้องขอโทษเป็นระยะ ๆ  ฉันเลยขดตัวในผ้านวมนั้นและใส่เสื้อกันหนาวบาง ๆ ตัวหนึ่ง  ปลายเท้าเริ่มเย็นจนปวดระบม ฉันยิ่งขดตัวเข้า เพื่อให้ผ้าห่มนั้นคลุมตัวให้มากที่สุด  แต่ยิ่งขดตัวฉันก็เริ่มมวนท้องขึ้นเรื่อย ๆ และเรอออกมาเป็นช่วง ๆ ได้กลิ่น น้ำชา ขนม ขบเคี้ยว ขาหมูมัน ๆ ก๋วยเตี๋ยวหนักผงชูรส บ๊วย ฯลฯ ในปากมีรสขม น้ำลายเริ่มเปรี้ยวขึ้น จนฉันทนไม่ไหว ฉันปลุกเจ้าดุกให้ตื่นขึ้นเป็นเพื่อน เพราะกลัวความมืดโดยเฉพาะตอนดึก ๆ เจ้าดุกบอกให้ลุกไปห้องน้ำด้วยเสียงงัวเงีย คงจะนอนหลับไม่สบายนักเพราะฉัน
"อ๊วกกกกกกกกก อ่อกกกกกก " ฉันกลั้นไปไม่ถึงห้องน้ำ เล่นอ้วกตรงปลายเตียงเสียเลย หน้าเน้อก็เต็มไปด้วยของที่ย่อยบ้างไม่ย้อยบ้าง อะไรก็ไม่ทรมานเท่าวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วแต่น้ำดันไม่ไหล ฉันตัดสินใจออกไปอ้วกตรงหน้าบังกะโลเลยแหละ (ผีเผอก็ไม่กลัวแล้ว) ยังดีที่เจ้าดุกตามออกมาลูบหลังให้ แต่ยิ่งลูบของในท้องยิ่งขย้อนออกมา ฉันห้อยตัวบนราวระเบียงด้วยไม่มีแรงจะยืนได้อีกต่อไปเหมือนผ้าที่วางพาดไว้ และก็อาเจียนออกไปเรื่อย ๆ
เมื่อไม่มีอะไรให้ออกกระเพาะลำไส้ที่ว่างเปล่าก็ทำท่าจะออกมากับของที่ฉันกินลงไปด้วย มันทรมานสุด ๆ แม้แต่เวลาจะหายใจก็แทบไม่มี เรียกได้ว่าอาการปางตายเลยแหละ บรรยายกาศช่วงกลางดึกนั้นเงียบมาก คงมีแต่เสียงอ้อกแอ้กของฉันที่ดังไปในรัศมีพันเมตรนี้ เมื่อสิ้นภาระกิจอ้วก เราสองคนก็ต้องมาจัดการกับเศษซากที่ฉันทิ้งไว้เกลื่อนที่นอนและปลายที่นอน เราขโมยน้ำดื่มที่วางไว้หน้าบังกะโลของพี่เก่งมาหลายขวดเพื่อเช็ดล้าง เป็นอันเสร็จพิธีแล้วเราก็นอนจมอยู่กับกลิ่นอาเจียน อากาศหนาว ๆ เสียงโอย ๆ ของเจ้าดุก และเสียงขอโทษของฉันต่อไป (น่าแปลกที่พี่ต๊อกและพี่ปุ้มไม่ได้ยินเสียงอ้วกของฉัน ได้ยินเพียงเสียง โอ้ย และ ขอโทษ  และทุกครั้งที่ฉันอ้วกก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเสมอ จะลืมลงได้อย่างไร)

3. เรื่องต่อเนื่องจากข้างบน เรื่องนี้พาดพิงถึงคนอื่น ไม่เล่าดีกว่าไว้ให้เจ้าตัวเล่าเอง ^^



link ที่เกี่ยวข้อง

บันทึก คนรักเมา อัพยา หมา ไอ้กัน ที่ปาย จัง

สิ่งที่ได้รู้ หลังจาก ไป ปาย มา