Home > Dek Ban Nong (เด็กบ้านหนอง) > ศึกสายเลือดตู้พิฆาต

ศึกสายเลือดตู้พิฆาต

 

ยามอารมณ์ดี  อัพสเปสซะบ้าง ครั้งนี้จะออกแนวโหดขนาดถึงเลือดถึงเนื้อเชียว

.. อ่านให้จบนะ..  

 

ที่ชุมชนบ้านหนอง มีบ้านสองชั้น ชั้นแรกฉาบทาด้วยปูนซีเมนต์สีเทา ชั้นที่สองเป็นไม้ซีกซึ่งขโมยมาจากบ้านหลังเก่าก็หลายแผ่น ถ้าพูดถึงอุณภูมิแล้วชั้นบนเป็นชั้นที่ร้อนที่สุดในหน้าร้อน และหนาวที่สุดในหน้าหนาว และบ้านหลังนี้เป็นที่พักอาศัยของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน พ่อแม่และลูกอีกสามคน ในบ้านแบ่งออกเป็นหลายห้องด้วยกัน ชั้นบนมีสามห้อง ห้องนอน ห้องนอน และห้องนอน ชั้นล่าง มีหนึ่งห้องนอนใหญ่ ๆ และพื้นที่ที่เหลือเป็นที่นอนเกลือกกลิ้ง ต่อสู้กันของลูก ๆ เมื่อนานมาแล้วบ้านหลังนี้ถูกต่อเติมหลังบ้านออกไปอีกเป็นห้องนอนอีกห้อง สรุปแล้วบ้านหลังนี้ก็คือบ้านห้องนอน และยังพอมีครัวและห้องน้ำแยกจากตัวบ้าน เมื่อบ้านมีห้องเยอะขนาดนี้สิ่งจำเป็นต่อมาก็คือเครื่องเรือน แรกเริ่มเดิมทีในบ้านหลังนี้มีเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมรดกตกทอดเพียงสองสิ่ง คือ ตู้รุ่นเจ้าคุณปู่ และเตียงรุ่นเจ้าคุณย่า ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้มักจะย้ายจากห้องโน้นเข้าห้องนี้ พลุบชั้นล่างและโผล่ชั้นบนพร้อมเรียกเหงื่อไคลจากคนในบ้านเป็นครั้งคราว จนกระทั่งเครื่องเรือนทั้งสองชิ้นก็เริ่มมีเพื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เตียงเพิ่มขึ้นมาอีก 3 เตียง อย่างไรก็ตามเรื่องที่เราจะเอ่ยถึงคือ ตู้ ต้นเหตุของศึกสายเลือดครั้งนี้

 เมื่อแรกฉันจำความได้ ฉันอาศัยอยู่บ้านพักครูกลางหมู่บ้าน แต่เพราะพวกเราโตขึ้นทุกวัน ย่อมต้องการพื้นที่มากขึ้น พ่อจึงสร้างบ้านหลังใหม่ย้ายไปยังกลางทุ่งนาห่างไกลจากตัวหมู่บ้านพอสมควร มีซุ้มไผ่ขึ้นริมเส้นทางเข้าบ้าน พอไว้เป็นแหล่งเล่นซ่อนหา หรือไว้หลอกกันเล่นให้ตกใจ เพราะเราโตขึ้นทุกวัน ๆ เสื้อผ้าที่เราใส่จึงเยอะขึ้นตามอายุของเรา นำไปบริจาคก็แล้ว ทำผ้าขี้ริ้วก็แล้วแต่เสื้อผ้าเรายังเพิ่มพะเนินขึ้นทุกวัน ตู้เจ้าคุณปู่ชักจะไม่พอเก็บเสื้อผ้าเก่า ๆ ของเราเสียแล้ว แม่จึงเริ่มเก็บเงินซื้อตู้หลังใหม่ เพื่อเก็บเสื้อผ้าเรา เมื่อตู้หลังใหม่เข้าบ้านพวกเราสามพี่น้องดีใจมาก เพราะเราจะได้ตู้เจ้าคุณปู่เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติของเรา

ตู้เจ้าคุณปู่มีที่แขวนเสื้อผ้าทางซีกซ้ายมือ และที่วางผ้าด้านล่าง มีกระจกบานใหญ่ไว้ส่องยามแต่งตัว และยังมีชั้นกระจกเล็ก ๆ ทางซีกขวาไว้เก็บของจุกจิกของพวกเรา เราสามคนจะแบ่งพื้นที่เก็บข้าวของส่วนตัวกัน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัวนั้นเด็ดขาด เมื่อใดที่มีการลุกล้ำอาณาเขตกันและกันเมื่อนั้นจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนกัดและเหน็บแนมจนหูฉีกเป็นอย่างน้อย นานวันเข้าความเป็นระเบียบก็กลายเป็นระเกะระกะ ตู้ที่พอเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราเริ่มไม่พอเพียง แม่จึงต้องมีตู้ใหม่ไว้โชว์ของจุกจิกนั้น และเพื่อไว้ประดับบ้านให้เป็นสง่าราศี พวกเราช่วยกันจัดตู้โชว์หลังใหม่ ตู้กระจกที่เก็บขวดเหล้าฝรั่ง เปลือกหอยที่ได้จากทะเล ตุ๊กตาไม้จากพม่า จานใบใหญ่ แจกัน ของขวัญที่ระลึกต่าง ๆ และดอกไม้ที่แม่ประดิษฐ์ขึ้น แต่นั้นก็ยังไม่พออยู่ดี

เราต้องการที่เก็บหนังสือเพิ่มเนื่องจากเราสามพี่น้องก็เรียนและซื้อสมุดหนังสือเทอมละสามสี่กิโลเรื่อยมา รวมทั้งหนังสือและเอกสารที่พ่อกับแม่นำไปประกอบการเรียนการสอน และไว้อ่านเป็นอาหารสมอง แม่จึงสั่งให้น้าช่วยสร้างตู้หลังใหญ่ขึ้นมาเพื่อเก็บหนังสือเหล่านั้น แต่เสื้อผ้าของพวกเราก็ล้นตู้เจ้าคุณปู่ และกองออกมาเป็นภูเขาขนาดย่อมนอกตู้ น้าของเราได้ประกอบตู้หลังสีขาวทึมขึ้นมาอีกสองหลัง ไว้เก็บเสื้อผ้าที่ล้นหลามออกมาจากตู้ของเจ้าคุณปู่ และแม่ก็ได้ตู้เพิ่มเรื่อยมาเพื่อเก็บเสื้อผ้า หนังสือ ของใช้สอยต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีเจ้าตัวเล็กเข้ามาในครอบครัว เป็นสมาชิกใหม่ที่แม่ยินดีจะซื้อตู้ใหม่ไว้เก็บผ้าของเจ้าตัวเล็กโดยเฉพาะ ถึงเวลานั้นพวกเราไม่ขาดแคลนตู้อีกแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราสามคนก็โตพอที่จะแยกย้ายกันคนละทิศละทางเพื่อเรียนต่ออีกระดับแล้ว พี่สาวเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ฉันเรียนต่อที่เชียงใหม่ และน้องเรียนต่อที่ขอนแก่น ศึกแย่งชิงพื้นที่เก็บของในตู้ไม่มีต่อไปอีกแล้ว

และเมื่อวันหยุดปิดเทอมครั้งหนึ่ง เราก็ลงความเห็นว่าที่บ้านเราตู้ชักจะเยอะ จากบ้านห้องนอนเริ่มจะกลายเป็นบ้านตู้เสียแล้ว เพราะเท่า ๆ ที่เห็นบ้านของเรามีตู้เกือบ ๆ 10 หลัง แล้ววันหนึ่ง

                    แม่:  แม่ว่าจะซื้อตู้ใหม่อีกหลังไว้ใส่เสื้อผ้าเรา

                    พ่อ: จะซื้อมาทำไมตู้เราก็มีเยอะ

                    แม่: แต่เสื้อผ้าก็ล้นออกมา เสื้อผ้าไอ้แคนก็กระจัดกระจาย ไม่มีที่เก็บ

                    พี่:  แม่ก็เอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ไปบริจาคสิ (พูดอย่างนี้ก็ต้องเห็นด้วยกับพ่อสิเนอะ)

                    แม่: เดี๋ยวนี้ใครจะใส่เสื้อผ้าเก่าของเรา เอาไปให้เขา เขาก็หาว่าเราดูถูกเขาสิ

                    ฉัน: แม่ไม่ต้องซื้อตู้ใหม่หรอก เอาเงินไปซื้ออย่างอื่นดีกว่า (เพราะเห็นกับพี่น่ะสิ)

                    น้อง: ใช่ (เห็นด้วยกับฉันแหงอยู่แล้ว)

ศึกน้ำลายครั้งนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 1 ข้อสรุปของพวกเราคือ ไม่ซื้อตู้ใหม่ สิ้นวันหยุดเราก็แยกย้ายไปเรียนที่สถาบันของตน และพบกันในช่วงปิดเทอม เทอมต่อมา แหละ โอะ โอ.. ฉันก็พบตู้ใบใหม่ตั้งตระหง่านในห้องด้านหลังของบ้านซึ่งตอนนี้ห้องนั้นก็ได้กลายเป็นห้องตู้ ที่เก็บเสื้อผ้าไปแล้ว แถมมีโต๊ะเครื่องแป้งวางขนาบตู้หลังใหม่ไว้เป็นที่แต่งตัวของทุกคน เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียนแม่ล่ะ ^^’

 

– เด็กบ้านหนอง

 

  1. SAKUNA
    February 17, 2008 at 7:36 pm

    เราควบคุมปริมาณการเติบโตได้น่าจะควบคุมการเพิ่มของตู้ได้นิ

  2. puk
    February 24, 2008 at 6:45 pm

    นึกว่าจะ

  3. puk
    February 24, 2008 at 6:45 pm

    นึกว่าจะ

  4. puk
    February 24, 2008 at 6:46 pm

    นึกว่าจะ

  5. puk
    February 24, 2008 at 6:48 pm

    นึกว่าจะ

  6. puk
    February 24, 2008 at 6:48 pm

    นึกว่าจะ

  7. puk
    February 24, 2008 at 6:49 pm

    นึกว่าจะ

  8. puk
    February 24, 2008 at 6:50 pm

    นึกว่าจะ

  9. puk
    February 24, 2008 at 6:50 pm

    นึกว่าจะ

  10. puk
    February 24, 2008 at 6:51 pm

    นึกว่าจะ

  11. puk
    February 24, 2008 at 6:53 pm

    แงๆๆ ขอโทษอ่ะ  ไมรันขึ้นหลายอันอ่ะ แกหลบด้วยน๊า
     
    ชั้นจะบอกแกว่า บ้านมีตู้เเยอะนะหล่อน อยู่ชม.เป็นไงบ้าง คิดถึงแกว่ะ

  12. Nitiwa
    February 28, 2008 at 9:55 am

    เหอะ เหอะ ฉันเคยลบของแกซะที่ไหนเก็บไว้งี้แหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

  13. Nitiwa
    February 28, 2008 at 9:57 am

    ตอบน้องนับนะ เราควบคุมการเพิ่มของตู้ได้ แต่เราควบคุมบุพการีไม่ค่อยจะได้นะจ๊ะ ^^\’

  1. No trackbacks yet.

Leave a comment