Home > travel_addicted > เที่ยวละไม(ล์) ตอน ก๋วยเตี๋ยวจับกังกับสวนพฤษศาสตร์

เที่ยวละไม(ล์) ตอน ก๋วยเตี๋ยวจับกังกับสวนพฤษศาสตร์

 
  จะ (เล่น)  ต่อ แล้วน๊าาาาาา…
 
หลังจากที่แนะนำตัวกันไปแล้ว เรามารู้จักกันต่อ เมื่อคณะมาพบกัน..
 
วันที่ 8 ธันวาคม 2548 หลังจากได้รับโทรกริ๊งกร๊างจากแม่นางปียาด้า มิสเตอร์ไอ่อ๊อฟก็โดดงานมุ่งตรงไปยังที่พำนักของคณะเที่ยวละไมล์ที่เพิ่งเดินทางมาถึงเชียงใหม่ โดยควบอัลฟ้าโรมิโอ (เมท) และมีมิสนิทิวา นั่งซ้อนท้าย  
 
ณ บ้านแม่นางปียาด้า
 
มิสเตอร์เปานิลกับมิสเตอร์ไอ่ต๊อกบ้ากำลังนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งมิสเตอร์ไอ่อ๊อฟและมิสนิทิวาก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมสั่งก๋วยเตี๋ยวมานั่งหม่ำกันทันที ก๋วยเตี๋ยวคนอื่นเขายังพอมองเป็นก๋วยเตี๋ยวเลิศรส แต่ทำไมก๋วยในถ้วยของมิสนิทิวาถึงถูกมิสเตอร์เปานิลมองเป็นก๋วยเตี๋ยวจับกังหว่า (วานบอก..) ฝ่ายแม่นางปียาด้าเองก็กำลังควงตะกร้อทองลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ไว ๆ พอต่อเวลาให้ทั้งสองขอกาแฟรสเข้มได้อีกคนละแก้ว
 

หลังจากโซ้ยก๋วยเตี๋ยว ดูดกาแฟอร่อย ๆ จนอิ่มหมีพีมัน ทางคณะเที่ยวละไม(ล์) ก็ไม่รอช้าวางแผนเที่ยวต่อทันที วันนี้เราตกลงกันว่า จะไปเที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เพราะกลัว มิสเตอร์เปานิล และมิสเตอร์ไอ่ต๊อกบ้า..ที่เพิ่งเดินทางมาถึงจะเหนื่อยอ่อนมากเกินไป หากไปเที่ยวไกลกว่านั้นอาจจะเป็นการตัดกำลังคนเฒ่าคนแก่สองคนนี้ได้

 

 

 

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Sirikit Botanic Garden) เป็นที่หมายของเรา และในครั้งนี้เจ้าพ่อของแม่นางปียาด้าได้ให้เกียรติขับราชรถพาไปยังที่ตั้งของสวนพฤษศาสตร์ซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ในเขตตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ขณะใช้เส้นทางสาย แม่ริม – สะเมิง ซึ่งแยกจากทางหลวง สาย 101 อย่างไรก็ตามมิสเตอร์ไอ่อ๊อฟก็ไม่ลืมจิ๊กขนมปังกรอบขึ้นมาเคี้ยว หงับๆ โดยไม่สนใจพุงที่ค่อย ๆ ยื่นออกมา ข้างๆ เป็นมิสนิทาวาซึ่งดูไม่ต่างจากมิสเตอร์ไอ่อ๊อฟเท่าไหร่นักเพราะปากเธอก็คาบหลอดดูดกาแฟอย่างไม่ยอมละวาง ในรถจะมีก็แต่เสียงใส ๆ ของแม่นางปียาด้าโต้ตอบกับพระบิดาไปตลอดทาง ฝ่ายสองเฒ่าดู๋ดี๋ก็นั่งจู๋จี๋กันที่กระบะรถ ถึงพยายามเรียกให้มิสเตอร์เปานิลและมิสเตอร์ไอ่ต๊อกบ้ามานั่งในแคปด้วยกันก็ตาม ทั้งสองยืนยันจะนั่งข้างหลังเพื่อเป็นการขจัดก้างทั้งสามสี่ชิ้นไว้ในหน้ารถ (โอ้ ช่างเป็นวิธีที่ชาญฉลาดเสียกระไร) ผ่านน้ำตกแม่สาไปเล็กน้อย ก็จะถึงสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือติดกับถนนใหญ่ เราต้องเสียค่าผ่านประตูคนละ 20 บาท และรถยนต์คันละ 30 บาท ก่อนเข้าไปเยี่ยมชม

 

 

สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เริ่มก่อตั้งเมื่อคณะกรรมการว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพแห่งประเทศไทย เสนอให้มีการจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ขึ้นในประเทศไทยในปี พ.ศ.2534 เพื่อรวบรวมพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ นำมาขยายพันธุ์ โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น ไม้หายาก และไม้ที่กำลังจะสูญพันธุ์ ทั้งนี้จะเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ของประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมให้การศึกษาค้นคว้าวิจัยและฝึกอบรม เพื่อรักษาทรัพยากรทางพรรณพืชอันล้ำค่าไว้ และได้เลือกพื้นที่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ – ปุย ในเขตตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเนื้อที่ประมาณ 3500 ไร่ เป็นสวนพฤษศาสตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ส่วนที่มาของชื่อนั้นเนื่องมาจาก องค์การสวนพฤกษศาสตร์ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2535 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ์ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวาระมหามงคล เฉลิมพระชนมายุหกสิบพรรษา และต่อมาในปี พ.ศ.2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ สวนพฤกษศาสตร์ขององค์การ ฯ ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ว่า สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

 

ใครที่คิดจะเข้ามาเที่ยวชมที่นี่แล้วคงต้องเผื่อเวลาในการชื่นชมประมาณ 3 ชั่วโมงถึงจะดูได้ทั่ว สถานที่ที่ควรไปชมมีดังนี้

 

 

กลุ่มอาคารเรือนกระจก ประกอบด้วย เรือนไม้น้ำ เรือนพืชสมุนไพร เรือนป่าดิบชื้น

 

ศูนย์วิจัยและพัฒนา สง่า สรรพศรี ประกอบด้วย อาคารหอพรรณไม้ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เรือนรวมพรรณไม้ไทย

 

เส้นทางเดินเท้าธรรมชาติ ประกอบด้วย เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย – สวนหินเส้นทางสวนรุกขชาติเส้นทางวัลยชาติเส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด และพืชสมุนไพร

 

 
 
 
น่าเสียดายที่คณะเที่ยวละไม(ล์)ได้เข้าไปชมเพียงแค่กลุ่มเรือนกระจกเท่านั้น เลยได้แค่เต๊ะท่าตรงเรือนไม้น้ำเป็น "ซูเปอร์เรนเจอร์" โดยมีแม่นางปียาด้าใช้ดัชนีนิ้วทองจิ้มฉึกไปที่กล้อง.. ยังไม่ทันไรถ่ายตัวเองกล้องก็ร้องออดแอดถ่านหมดเสียอย่างนั้น ว๊า.. สังเกตเอานะจ๊ะว่าใครเก็ก ใครโคตรเก็ก ใครมหาเก็ก และใครอภิมหาโคตรเก็ก..  (ฝากให้เก็บเอาไปคิด อิอิ) 
 

   เรือนป่าดิบชื้น

 
 มาที่เรือป่าดิบชื้น ชื่ออาจจะดูน่าหลงแต่ป่าดิบชื้นในเรือนกระจกแห่งนี้ไม่ได้ทำให้คณะเที่ยวละไม(ล์) หลงทาง ต่างเกาะก้นกันแน่นเที่ยวชมน้ำตกจำลอง ขึ้น ๆ ลง ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ มองพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้นกันอย่างฉงน "เออ.. พันธุ์ไม้อย่างนี้ก็มีด้วย"
 

      เรือนพืชทนแล้ง

 
มีพันธุ์ไม้นานาในหมู่เรือนกระจก รวมทั้งพันธ์ไม้ทนแล้งที่ทำเอาเราอึ้งกับขนาดอันมหึมาของมัน "จะใช้สักกี่ปีกันนะ ถึงจะโตได้ขนาดนี้"  ตลอดทางที่เราเดินเที่ยวชมก็เห็นจะมีแต่มิสเตอร์ไอ่ต๊อกบ้าเท่านั้นที่มีท่าทีพึงพอใจกับกล้วยไม้หลากสีเป็นพิเศษ "จะเก็บไว้ไปฝากกกกกกกแม่…." นั่นคือข้ออ้างของเขา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้แม้แต่เศษดินติดไม้ติดมือไปสักก้อน – -” มิหนำซ้ำเขาก็ทำท่าจะกระโจนลงไปกินดอกไม้สีสด จนพวกเราต้องห้ามทับก็ยกใหญ่ เฮ้อ .. จริงๆ เลยคนนี้ เห็นอะไรน่ากินหน่อยไม่ได้(ใส่ไข่เล็กน้อย อิอิ ) ฝ่ายมิสเตอร์เปานิลก็สนใจไม้พรรณนานาจ้องต้นไม้เสียตั้งท้องไปหลายต้นเหมือนกัน หากวันนี้ใครได้ไปเที่ยวแถว ๆ นั้นแล้วเจอต้นกล้าอ่อน พึงรู้ไว้ด้วยว่านั้นเป็นทายาทอสูรแห่งปิศาจนักจัดของหมู่คณะเที่ยวละไม(ล์)นั่นแลนา…  อาการทั้งท่านผู้เฒ่าทั้งสองมิอาจดึงดูดให้แม่นางปียาด้าละวางจากกล้องหนังว๊อง ที่ถ่านทำท่าร่อแร่จะหมดมิหมดแหล่.. "รู้งี้ น่าจะชาร์จถ่านมาตั้งแต่เมื่อคืน" ประโยคร่ายมนต์นี้หลุดออกจากปากแม่นางมาตลอดสายจนหมู่ไม้ต้องชูสลอนแบ่งบานอวดอ้างสีสันยั่วยวนผู้ได้มาพบเห็น .. ส่วนเจ้าสองตัว มิสเตอร์ไอ่อ๊อฟกับมิสนิทิวา อย่าไปพูดถึงเสียดีกว่า เพราะกาแฟแก้วนั้นคงทำพิษกระทุ้งท้องของทั้งสองจนต้องขอตัวไปห้องน้ำ .. ฉี่จะราดดดดดดด.. เฮ้ย.. แล้วศึกใหญ่ที่จะทำกันวันหน้าพวกนนี้จะไปรอดไหมนี่  ดูแต่ละคนแล้วสมประกอบท้างน้านนนน…
 
ขอ (เล่น) จบแค่นี้แล้วกัน
TO BE CONTINUED:P
  1. Nitiwa
    February 28, 2006 at 11:33 pm

    ยัง ยางไม่ได้อ่านเด๋วขอเม้นก่อนแล้วค่อนอ่าน เหอๆๆ เม้นชื่อมันเนี้ยแระ  55

  2. Nitiwa
    February 28, 2006 at 11:41 pm

    แล้วแกมายุ่งอารายกะพุงฉานเนี้ย  ฉายาฉัน จวนมีพุงนะเฟ้ย(แต่ตอนนี้มีพุงแล้ว เหอะๆ – -\’)

  3. Nitiwa
    February 28, 2006 at 11:52 pm

    มานับเรียงกานจากซ้ายไปขวา 1.พยายามเก็ก(เต็มที่แล้วคับ) 2.โคตรเก็ก(ทุกงาน) 3.อภิมหาโคตรเก็ก(ปล่อยคนแก่เขาเหอะ) 4.มหาเก็ก(นานๆจะเจอกล้อง)…
    ห้ามเถียงด้วยนะเฟ้ย..

  4. Krishda
    March 1, 2006 at 12:13 am

    ใครที่ไหนหลับตาแล้วเรียกว่าเก๊ก ฮึ

  5. peyada
    March 1, 2006 at 10:26 pm

    ในที่สุด วันที่รอคอยก็มาถึง วันที่มิสนิทิวาได้อัพสะเป้ด เฮ้อ..รอมาข้ามปีเลยนะเนี้ย
    เขียนได้ดีมีสาระมาก ๆๆ แต่ไม่ต้องย้ำเรื่องกล้องที่มีหนังว๊องได้ป่ะ อิๆๆ อายเค้า ^^

  6. Jirawadee
    March 18, 2006 at 4:10 pm

    อืม..น่าหนุก อิจฉาว่ะ ~>.<~

  1. No trackbacks yet.

Leave a comment